Walk in Closet คืออะไร? ควรใช้วัสดุอะไร ในห้องเก็บเสื้อผ้าต้องมีอะไรไว้บ้าง?

Last updated: 17 Jun 2025  |  121 Views  | 

Walk in Closet คืออะไร

 

Walk-in Closet ไม่ใช่เพียงพื้นที่สำหรับจัดเก็บเสื้อผ้า แต่เป็น “มุมพิเศษ” ที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง ห้องนี้เปรียบเสมือนพื้นที่ส่วนตัวสำหรับแต่งตัว จัดระเบียบไลฟ์สไตล์ และเติมความรู้สึกพิเศษในทุกวัน วัสดุและองค์ประกอบภายในต้องตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชัน ความงาม และความทนทาน เพราะนอกจากใช้บ่อย ยังต้องรองรับเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และของใช้ส่วนตัวจำนวนมาก

Wasuwat ขอพาไปรู้จักกับแนวคิดในการออกแบบ Walk-in Closet อย่างมืออาชีพ พร้อมแนะนำวัสดุคุณภาพสูง เช่น แผ่นสแตนเลสสี ที่ช่วยยกระดับความหรูหราในดีไซน์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และองค์ประกอบที่ “ควรมี” เพื่อให้ห้องนี้ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังใช้งานได้จริงทุกวัน

Walk-in Closet คืออะไร?

Walk-in Closet คือห้องหรือพื้นที่เก็บเสื้อผ้าแบบ “เดินเข้าได้” ซึ่งแยกออกจากห้องนอนหรือห้องน้ำโดยเฉพาะ ให้ความรู้สึกเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวสูงสุด มักถูกออกแบบให้มีระบบจัดเก็บที่เป็นระเบียบ เช่น ราวแขวน ชั้นวาง กระจก โต๊ะเครื่องแป้ง และแสงไฟเฉพาะจุด เพื่อให้การแต่งตัวกลายเป็นกิจวัตรที่พิเศษขึ้นในแต่ละวัน

 

 

Walk in Closet มีแบบไหนบ้าง?

Walk-in Closet มีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และดีไซน์ที่ต้องการ โดยสามารถแบ่งออกเป็น:
  • แบบ L-Shape: เหมาะสำหรับมุมห้อง ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า
  • แบบ U-Shape: ล้อมรอบ 3 ด้าน เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสูงสุด
  • แบบ I-Shape หรือทางเดินยาว: เหมาะกับพื้นที่แคบหรือห้องที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ
  • แบบห้องปิด (Closed Closet): มีบานตู้ปิด ดูเป็นระเบียบและกันฝุ่น
  • แบบเปิดโล่ง (Open Closet): เหมาะกับคนที่ต้องการหยิบใช้สะดวกและโชว์ดีไซน์

ดีไซน์เหล่านี้สามารถยกระดับได้ด้วยการเลือกวัสดุตกแต่งคุณภาพ เช่น หน้าบานลามิเนต กระจกเงา หรือสแตนเลสสี ที่ให้ทั้งความหรูหราและทนทานในระยะยาว

Walk in Closet ควรมีอะไรไว้บ้าง?

สำหรับ Walk-in Closet ที่ใช้งานได้ดีควรมีทั้งฟังก์ชันและสไตล์ที่ลงตัว ซึ่ง Wasuwat แนะนำองค์ประกอบสำคัญที่ควรมี เช่น:
  • โครงสร้างแข็งแรงและวัสดุทนทาน: เช่น ไม้จริง ไม้ MDF เคลือบเมลามีน หรือแผ่นสแตนเลสสีคุณภาพสูงที่ Wasuwat เชี่ยวชาญ ช่วยเสริมลุคเรียบหรู พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • ระบบจัดเก็บเฉพาะจุด: ราวแขวนแบบ 2 ชั้น ชั้นวางรองเท้า ลิ้นชักใส่เครื่องประดับ โต๊ะเครื่องแป้ง
  • กระจกบานใหญ่แบบเต็มตัว: เพื่อให้ลองชุดได้อย่างมั่นใจ
  • ระบบแสงไฟที่ดี: ควรใช้ไฟโทนอบอุ่น (Warm White) และมีไฟซ่อนตามราวแขวนหรือกระจก เพื่อความหรูหรา
  • เก้าอี้และโต๊ะเครื่องแป้ง: เพื่อให้สามารถนั่งแต่งตัวได้อย่างสะดวกสบาย  จะนั่งแต่งหน้า นั่งใส่รองเท้า หรือนั่งตรวจเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ซึ่งควรเลือกเก้าอี้ที่สไตล์เข้ากับห้อง เพื่อให้ภาพรวมออกมาสวยงามลงตัว
  • ของตกแต่งเสริมบรรยากาศ: เช่น กรอบสแตนเลสสีทอง ตู้บานกระจก ขอบเฟรมสแตนเลส เพื่อเพิ่มความพรีเมียมให้ห้องดูแพงอย่างมีระดับ

ไอเดียการออกแบบ Walk in Closet ห้องเก็บเสื้อผ้า

การออกแบบ Walk-in Closet ที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ต้องครอบคลุมทั้งฟังก์ชัน การจัดการพื้นที่ และบรรยากาศที่เอื้อต่อการใช้งานในทุกวัน หากวางแผนอย่างเป็นระบบและเลือกใช้วัสดุอย่างมีชั้นเชิง ก็จะสามารถยกระดับพื้นที่นี้ให้กลายเป็น “ห้องโปรด” ที่ใช้งานได้จริง และเต็มไปด้วยความพิเศษในทุกดีเทล

1. Walk in Closet ต้องมีแสงธรรมชาติ

แสงธรรมชาติเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มักถูกมองข้ามในการออกแบบ Walk-in Closet เพราะช่วยทั้งในด้าน “การมองเห็น” และ “การสร้างบรรยากาศ” แสงธรรมชาติจากหน้าต่างหรือช่องแสงเล็ก ๆ ทำให้ห้องดูโปร่ง ไม่อับชื้น และช่วยให้สีของเสื้อผ้าและเครื่องประดับไม่เพี้ยนเมื่อลองสวมใส่ ในแง่ดีไซน์ยังช่วยเสริมให้วัสดุตกแต่ง เช่น ไม้ธรรมชาติ หิน หรือแผ่นสแตนเลสสี ดูโดดเด่นและมีมิติมากขึ้น หากพื้นที่ไม่สามารถเปิดรับแสงได้โดยตรง แนะนำให้ใช้กระจกหรือวัสดุสะท้อนแสงแทน เพื่อเพิ่มความสว่างและลดความทึบของห้อง

2. จัดการฟังก์ชั่นการใช้งานในสไตล์ชอบ

Walk-in Closet ที่ดีไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ แต่ต้อง “ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์” เจ้าของห้องให้ได้มากที่สุด ก่อนเริ่มออกแบบ ควรวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน เช่น เป็นคนแต่งตัวเยอะหรือเน้นความเรียบง่าย ชอบโชว์ของหรือเน้นเก็บเป็นระเบียบ ชอบรองเท้าหรือเครื่องประดับ การจัดฟังก์ชัน เช่น ราวแขวน ลิ้นชัก ชั้นวาง หรือโซนโต๊ะเครื่องแป้ง ควรถูกวางในจุดที่เข้าถึงง่าย และมีขนาดที่พอดี เพื่อไม่ให้ห้องรู้สึกแน่นเกินไป วัสดุตกแต่งควรมีคาแรกเตอร์ เช่น ใช้สแตนเลสสีเข้ากับสไตล์มินิมอลลักชัวรี หรือผสมผสานไม้กับโลหะในสไตล์โมเดิร์นอบอุ่น

3. ติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่

กระจกเงาคือองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ใน Walk-in Closet ไม่เพียงเพื่อการแต่งตัว แต่ยังช่วยขยายพื้นที่ให้ดูกว้างขึ้นและเพิ่มความสว่างให้ห้องได้อย่างชัดเจน ควรเลือกกระจกเต็มตัวที่ติดตั้งแนบผนัง หรือบานพับที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ตามมุมใช้งาน การติดตั้งกระจกในมุมที่แสงธรรมชาติเข้าถึงจะยิ่งช่วยเสริมความโปร่งโล่ง ส่วนดีไซน์กรอบกระจกแนะนำให้ใช้ขอบสแตนเลสสีทองหรือโรสโกลด์ เพื่อเพิ่มความหรูหราและคมชัดในรายละเอียด Wasuwat ยังสามารถออกแบบเฟรมสแตนเลสตามแบบเฉพาะให้เหมาะกับพื้นที่จริง เพื่อให้กระจกไม่ใช่แค่ฟังก์ชัน แต่กลายเป็นไอคอนของห้องแต่งตัวได้อย่างแท้จริง

4. จัดห้อง Walk in Closet ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์

ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานมีผลอย่างมากต่อการวางผังและเลือกวัสดุใน Walk-in Closet ตัวอย่างเช่น คนที่เดินทางบ่อยอาจต้องการระบบจัดเก็บที่หยิบใช้งานได้รวดเร็ว เช่น ราวแขวนเปิดโล่ง หรือกระเป๋าใบโปรดที่โชว์อยู่ในตู้กระจก ส่วนคนที่ให้ความสำคัญกับแฟชั่น อาจเลือกตู้โชว์หรือชั้นจัดแสดงเป็นไฮไลต์ พร้อมไฟซ่อนเพื่อเพิ่มลูกเล่น นักออกแบบควรเลือกวัสดุที่สะท้อนบุคลิก เช่น สแตนเลสสีมันวาวสำหรับผู้ชอบความหรูหรา หรือสแตนเลสแฮร์ไลน์ที่เรียบเท่สำหรับสายมินิมอล เพื่อให้ Walk-in Closet กลายเป็นพื้นที่ที่ใช้งานแล้ว “รู้สึกเป็นตัวเอง” มากที่สุด

5. Walk in Closet ต้องเป็นพื้นที่โปร่ง ไร้ความอับชื้น

บรรยากาศในห้อง Walk-in Closet ควรโปร่ง โล่ง และมีอากาศหมุนเวียนได้ดี เพื่อป้องกันความอับชื้นที่อาจสะสมกลิ่นไม่พึงประสงค์กับเสื้อผ้า รองเท้า หรือของใช้ส่วนตัว การออกแบบช่องระบายอากาศ การเลือกใช้วัสดุไม่อมฝุ่น เช่น แผ่นสแตนเลส หรือหน้าบานลามิเนตผิวเรียบ จะช่วยลดการเก็บกลิ่นและทำความสะอาดง่าย ควรเลือกติดไฟ LED ที่ไม่สะสมความร้อน และหากมีพื้นที่จำกัด อาจใช้กระจกเงาและโทนสีอ่อนร่วมกับแผงสแตนเลสสี เพื่อช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดจริง ในมุมมองของนักออกแบบ พื้นที่ที่น่าอยู่ คือพื้นที่ที่อยู่แล้ว “สบาย” ทั้งสายตาและการใช้งาน

การเลือกวัสดุทำ Walk in Closet

วัสดุเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบ Walk-in Closet เพราะมีผลต่อทั้งความงาม อายุการใช้งาน และความรู้สึกที่ส่งถึงเจ้าของห้องโดยตรง นักออกแบบจึงต้องพิจารณาให้รอบด้าน ทั้งเรื่องความทนทาน การดูแลรักษา และความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน วัสดุแต่ละประเภทมีบุคลิกเฉพาะตัวและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน บางวัสดุเน้นลุคหรูหรา บางชนิดเน้นความอบอุ่น หรือบางแบบตอบโจทย์งานใช้งานหนักเป็นหลัก Wasuwat ขอแนะนำ 3 วัสดุยอดนิยมที่นักออกแบบมืออาชีพเลือกใช้ใน Walk-in Closet ยุคใหม่




 

1. ใช้วัสดุโลหะ (สแตนเลสสี, อลูมิเนียม, เหล็ก)

วัสดุโลหะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มาแรงในการออกแบบ Walk-in Closet โดยเฉพาะ สแตนเลสสี ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหรา โมเดิร์น และเรียบเฉียบในเวลาเดียวกัน จุดเด่นคือ ทนทาน ไม่เป็นสนิม และสามารถดีไซน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นคิ้ว ขอบเฟรม ชั้นวาง หรือหน้าบานบิวต์อิน โดยเฉพาะแผ่นสแตนเลสจาก Wasuwat ที่ผ่านการเคลือบผิวคุณภาพสูง ช่วยให้สีติดทนนานและดูแลง่าย อีกทั้งยังสามารถจับคู่กับวัสดุอื่นได้อย่างลงตัว เช่น ไม้ หิน หรือกระจก ส่วนอลูมิเนียมและเหล็กก็เป็นทางเลือกที่ดีในเรื่องความแข็งแรง แต่มักนิยมใช้ในโครงสร้างมากกว่างานโชว์ผิว เพราะต้องการการเคลือบเพื่อป้องกันสนิม โลหะจึงเหมาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องการความแม่นยำ ความเรียบคม และความยั่งยืนในดีไซน์

ซึ่งตู้เสื้อผ้าส่วนใหญ่จะใช้ไม้ทำโครงหุ้มด้วยลามิเนต และหน้าบานเป็นอลูมิเนียมกระจก แต่ปัจจุบันบ้านที่ตกแต่งระดับ ultra luxury จะยกระดับความหรูโดยการใช้ตู้เสื้อผ้าที่ผลิตจากสแตนเลสสีทั้งตู้  ในปัจจุบันยังหาผู้ที่สามารถผลิตได้สวย เรียบร้อยและฟังก์ชั่นการใช้งานลงตัวได้ยาก แต่วสุวัตน์ เราเคยผลิตติดตั้งมาแล้วหลายโครงการ เช่น รีสอร์ท 6 ดาวที่พัทยา และคอนโดสุดหรูแถวราชดำริ

แนะนำแผ่น RHS  นวัตกรรมวัสดุสำหรับงานก่อสร้างและตกแต่ง

แผ่น RHS (Rectangular Hollow Section) คือวัสดุแผ่นที่ผลิตจากอลูมิเนียม Honeycomb ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบรังผึ้ง ทำให้อลูมิเนียมแผ่นมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าวัสดุอื่น ๆ ดังนี้:
  • ร้สนิมและทนทานทุกสภาพอากาศ: ด้วยคุณสมบัติของอลูมิเนียม ทำให้แผ่น RHS ไม่เป็นสนิม ทนทานต่อความชื้นได้ดีเยี่ยม จึงเหมาะสำหรับงานทั้งภายในและภายนอกอาคาร
  • ปราศจากปลวกและไม่ลามไฟ: หมดปัญหาเรื่องปลวกและแมลงรบกวน อีกทั้งยังไม่ติดไฟ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับสิ่งปลูกสร้าง
  • น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงสูง: แผ่น RHS มีน้ำหนักเบากว่าไม้ แต่ยังคงความแข็งแรงทนทาน สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าไม้ถึง 4 เท่า
  • ดีไซน์อิสระและยืดหยุ่น: ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ทำให้สามารถออกแบบแผ่น RHS ให้มีความบางและมีช่วงเสา (span) กว้างขึ้นได้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบและก่อสร้าง

แผ่น RHS จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาวัสดุคุณภาพสูง ประหยัด คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย

2. ใช้วัสดุผิว หรือ กระจก

วัสดุผิว (Surface Finishes) เช่น เมลามีน ลามิเนต และไฮกลอส เป็นที่นิยมเพราะสามารถเลือกเฉดสีและลวดลายได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งความเรียบหรูและโมเดิร์นในราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้การใช้ กระจก โดยเฉพาะกระจกเงาบานใหญ่หรือกระจกสีชา ช่วยให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และมีความลึก เพิ่มแสงและขยายมิติของพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักออกแบบมักใช้กระจกเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น ตู้โชว์หน้าบานกระจก เฟรมกรอบโลหะ หรือกระจกเงาบิวต์อิน เพื่อเพิ่มความหรูหราและฟังก์ชันในเวลาเดียวกัน หากต้องการลุคพรีเมียม การใช้ขอบเฟรมกระจกเป็นสแตนเลสสีจาก Wasuwat ก็ช่วยยกระดับงานดีไซน์ให้ดูจบงานแบบมืออาชีพ

3. ใช้ไม้สังเคราะห์

ไม้สังเคราะห์ เช่น MDF หรือ HDF เคลือบเมลามีน เป็นวัสดุพื้นฐานที่นิยมใช้ในงานตกแต่งภายใน เพราะมีความสวยงาม เรียบง่าย และดูแลรักษาง่าย ไม้สังเคราะห์สามารถขึ้นรูปได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าบาน ตู้ลิ้นชัก หรือชั้นวาง ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย จุดเด่นคือมีความคงที่ในขนาดและผิวสัมผัส ทำให้ดีไซน์ได้แม่นยำและสม่ำเสมอ ทั้งยังสามารถจับคู่กับวัสดุอื่น เช่น กระจก หรือคิ้วสแตนเลส เพื่อสร้างดีไซน์ที่หรูหราและร่วมสมัยมากขึ้น นักออกแบบมักเลือกใช้ไม้สังเคราะห์ในงานตกแต่งที่ต้องการคุมโทน และจัดวางองค์ประกอบให้เป็นระเบียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความอบอุ่นแต่ยังต้องการความหรูในดีเทลเล็ก ๆ

การเลือกวัสดุตกแต่ง Walk in Closet ให้เหมาะกับงบและสไตล์ของคุณ

การออกแบบ Walk-in Closet ที่ดี ไม่จำเป็นต้องหรูหราเกินงบเสมอไป แต่ควร “สมดุล” ระหว่างงบประมาณ ความงาม และฟังก์ชันการใช้งาน นักออกแบบมืออาชีพจึงมักเริ่มจากการกำหนด “สไตล์ที่ชอบ” ก่อน แล้วจึงเลือกวัสดุที่สอดคล้องกับงบที่ตั้งไว้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งสวยและใช้งานได้จริง

แนวทางเลือกวัสดุตกแต่งให้เหมาะกับงบและสไตล์:

  • งบประหยัด–ลุคเรียบง่าย: ใช้ไม้ MDF เคลือบเมลามีน โทนสีอ่อน หรือผิวด้าน
  • งบปานกลาง–ลุคหรูมีดีเทล: เพิ่มวัสดุตกแต่งผิว เช่น ลามิเนตลายไม้ กระจกเงา พร้อมคิ้วตกแต่งสแตนเลส
  • งบสูง–ลุคพรีเมียม: ใช้แผ่นสแตนเลสสี หินอ่อน กระจกตัดแสง และงาน Built-in แบบ Made-to-order

Insight เพิ่มเติม:
การลงทุนกับวัสดุคุณภาพ เช่น สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 จาก Wasuwat อาจดูราคาสูงขึ้นในระยะเริ่มต้น แต่ช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว และเพิ่มมูลค่าทางดีไซน์ได้จริง โดยเฉพาะในโครงการอสังหาฯ หรือบ้านที่ต้องการงานออกแบบเฉพาะ

แนะนำไอเดียตกแต่ง Walk in Closet ด้วยสแตนเลส

Wasuwat คัดสรรสแตนเลสเกรด 304 และ 316 ที่มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อน ความร้อน และสภาพแวดล้อมรุนแรง เช่น ใกล้ทะเลหรือโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและกระบวนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด ทำให้ Facade จาก Wasuwat ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังแข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันและดีไซน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ wasuwat.co.th

7 ไอเดียตกแต่ง Walk-in Closet ด้วยสแตนเลสที่น่าสนใจ   

1. คิ้วตกแต่งกรอบตู้หรือหน้าบาน
เพิ่มความเรียบหรูให้หน้าบานตู้เสื้อผ้าดูพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยคิ้วสแตนเลสสีทอง แชมเปญ หรือดำด้าน ที่ช่วยเก็บขอบงานให้คมและสะอาดตา

2. เฟรมกระจกหรือกระจกบานใหญ่
ใช้เฟรมสแตนเลสกรอบกระจกเงาใน Walk-in Closet เพื่อเพิ่มความหรู พร้อมสร้างความลื่นไหลทางสายตา โดยไม่ต้องใช้เฟรมหนาหนักแบบไม้

3. เส้นแบ่งแพทเทิร์นผนังหรือหน้าบาน
ใช้แถบสแตนเลสบางสร้างเส้นแนวในแนวตั้ง/นอน ช่วยจัดวางจังหวะของวัสดุตกแต่งได้สมดุล และทำให้ผนังดูมีดีไซน์พิเศษยิ่งขึ้น

4. ตกแต่งราวแขวนเสื้อหรือมือจับ
สแตนเลสสามารถขึ้นรูปเป็นราวแขวนเสื้อหรือมือจับที่ทนทานและดูหรูยิ่งกว่าวัสดุพลาสติกหรืออลูมิเนียมทั่วไป

5. ใช้กับชั้นโชว์หรือชั้นวางรองเท้าแบบโปร่ง
เพิ่มความเบาสบายให้การจัดวางของ โดยใช้โครงสร้างสแตนเลสแบบบาง ร่วมกับแผ่นกระจกหรืออะคริลิกใส

6. ทำขอบโต๊ะเครื่องแป้งหรือกรอบกระจกบิวต์อิน
ช่วยเพิ่มดีเทลเล็ก ๆ ให้มุมแต่งหน้าดูหรูมีสไตล์ โดยเฉพาะเมื่อใช้สแตนเลสสีโรสโกลด์หรือทองแชมเปญ

7. ปิดขอบวัสดุหรู เช่น หินอ่อน หรือลามิเนตลายไม้
ใช้คิ้วสแตนเลสปิดขอบวัสดุเพื่อความเรียบร้อย ป้องกันบิ่น และเพิ่มความพรีเมียมในงานดีไซน์โดยรวม  

สแตนเลสสีจาก Wasuwat แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร ?

สแตนเลสสีจาก Wasuwat โดดเด่นด้วยคุณภาพระดับพรีเมียมทั้งในด้านวัสดุและกระบวนการผลิต โดยเลือกใช้สแตนเลสเกรด 304 และ 316 ซึ่งเป็นเกรดอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม และใช้งานได้ยาวนานแม้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงอย่างริมทะเลหรือใกล้สระว่ายน้ำ ผิวของแผ่นสแตนเลสผ่านการเคลือบด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่ให้เฉดสีสวย คมชัด ไม่ซีดจาง เช่น สีทองแชมเปญ โรสโกลด์ ดำด้าน หรือแฮร์ไลน์แบบด้านพิเศษ จึงไม่เพียงแค่ให้ลุคหรูหรา แต่ยังใช้งานจริงได้อย่างทนทาน

นอกจากวัสดุคุณภาพสูง Wasuwat ยังมีความเชี่ยวชาญด้านงานดีไซน์และงานติดตั้งเฉพาะทาง ลูกค้าสามารถสั่งผลิตตามแบบเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนขนาดพิเศษ คิ้วตกแต่ง เฟรม หรือผนังตกแต่งครบชุด พร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ติดตั้งด้วยความประณีตและเข้าใจงานออกแบบอย่างแท้จริง แตกต่างจากการเลือกซื้อแผ่นสแตนเลสทั่วไปที่ต้องตัด เจีย และติดตั้งเอง ทำให้ Wasuwat เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับโครงการบ้านและงานตกแต่งระดับลักชัวรีที่ต้องการทั้งความสวยและคุณภาพที่ไว้วางใจได้

 

ตัวอย่างผลงาน Walk-in closet ของ Wasuwat

Wasuwat 1 Wasuwat 1 Wasuwat 1 Wasuwat 1 Wasuwat 1
 

คำถามที่พบบ่อย

Walk-in closet หมายถึงอะไร?

Walk-in Closet คือห้องเก็บเสื้อผ้าแบบ “เดินเข้าได้” ที่แยกเป็นสัดส่วนจากห้องนอนหรือห้องน้ำ เป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับจัดเก็บเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ รวมถึงใช้สำหรับแต่งตัว จุดเด่นคือการจัดฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมสร้างบรรยากาศส่วนตัวที่สะท้อนรสนิยมของเจ้าของห้อง ช่วยให้การแต่งตัวเป็นกิจกรรมที่สะดวกและมีสไตล์มากยิ่งขึ้น

การตกแต่งห้องแต่งตัว ใช้วัสดุอะไรดี?

วัสดุที่นิยมใช้ในการตกแต่งห้องแต่งตัว ได้แก่ ไม้สังเคราะห์ (MDF, HDF), ลามิเนตผิวด้านหรือเงา, กระจกเงาบานใหญ่ รวมถึง แผ่นสแตนเลสสี ซึ่งให้ลุคเรียบหรู ทนทาน และดูแลรักษาง่าย โดยเฉพาะแผ่นสแตนเลสจาก Wasuwat ที่สามารถใช้ตกแต่งหน้าบานตู้ เฟรมกระจก หรือเส้นคิ้วเพื่อเพิ่มความพรีเมียมให้ห้องได้อย่างมืออาชีพ

ห้องแต่งตัวควรมีอะไรบ้าง?

ห้องแต่งตัวที่ดีควรมีองค์ประกอบดังนี้: ราวแขวนเสื้อ ลิ้นชัก ชั้นวางรองเท้า กระจกเงาบานใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้ง และระบบแสงไฟที่เพียงพอ ควรออกแบบให้ทุกอย่างหยิบใช้สะดวก และเป็นระเบียบ แนะนำให้ใช้วัสดุที่มีผิวเรียบ ไม่อมฝุ่น เช่น ลามิเนตหรือสแตนเลส เพื่อความสะอาดและใช้งานได้นาน

ห้องแต่งตัวควรมีขนาดเท่าไหร่?

ขนาดที่เหมาะสมของห้องแต่งตัวขึ้นอยู่กับพื้นที่บ้านและการใช้งาน สำหรับการใช้งานทั่วไป แนะนำให้มีพื้นที่ เริ่มต้นที่ 3–5 ตารางเมตร เพื่อรองรับตู้เสื้อผ้าและทางเดินอย่างน้อย 90–100 ซม. สำหรับห้องขนาดใหญ่หรือมีฟังก์ชันหลากหลาย ควรเผื่อพื้นที่ 6–10 ตร.ม. ขึ้นไป พร้อมพื้นที่สำหรับโต๊ะเครื่องแป้งหรือม้านั่งกลางห้อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและแต่งตัว

 

  

 
 

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy